ปกครองคุ้มกันใกล้ชิด รวมทั้งดูแลวัดในพื้นที่ซึ่งให้ประชาชนเดินทางมาใส่บาตร พศ. มอบเงินช่วยพระที่มรณภาพ รวมทั้งถวายเป็นค่าภัตตาหารแก่พระภิกษุสามเณร ในเขตพื้นที่ประกาศงดบิณฑบาต วันละ 100 บาท/รูป
ความคืบ หน้าสถานการณ์รุนแรงภาคใต้ เมื่อวันที่ 26 ก.ค. สำนักจุฬาราชมนตรีออกแถลงการณ์กรณีเหตุการณ์ความรุนแรงโดยการวางระเบิดในเขต เทศบาลตำบลตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้พระสงฆ์มรณภาพ 1 รูป ทหารเสียชีวิต 1 นาย และมีชุดรักษาความปลอดภัย รวมทั้งประชาชนอีกจำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ว่า สำนักจุฬาราชมนตรีขอประณาม ผู้กระทำการอันโหดร้ายอย่างไร้มนุษยธรรม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตามที่ได้เข่นฆ่าประชาชน ผู้บริสุทธิ์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รวมทั้งกรณีที่เกิดขึ้นล่าสุด อีกทั้งตามหลักธรรมของศาสนาอิสลามนั้นระบุว่า หากผู้ใดฆ่าผู้บริสุทธิ์ แม้เพียงคนเดียว เท่ากับเขาฆ่ามนุษย์ทั้งโลก และหากผู้ใดรักษาชีวิตมนุษย์แม้เพียงคนเดียว เท่ากับเขารักษาชีวิตมนุษย์ทั้งโลก
สำนักจุฬาราชมนตรี ระบุในแถลงการณ์อีกว่า ขอเรียกร้องให้ผู้นำและประชาคมมุสลิมทั้งประเทศ ปฏิบัติดังนี้ 1.ตระหนักและยืนหยัดในคำสอนของศาสนาอิสลามเพื่อการอยู่ร่วมกับเพื่อนต่าง ศาสนิกอย่างสันติ 2.หาแนวทางความร่วมมือกับเพื่อนต่างศาสนิกในชุมชนเพื่อช่วยปกป้องภัยที่คุก คามชีวิตและทรัพย์สินของคนในทุกชุมชนทุกศาสนา และต้องช่วยกันยับยั้งการมุ่งทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์ พระ นักบวช เด็ก สตรีและการทำลายศาสนสถาน และ 3.ขอให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือต่อเหยื่อของเหตุการณ์ความรุนแรงในทุก ศาสนิก เพื่อให้เกิดความสันติสุขในทุกๆ พื้นที่โดยเร็ว
ที่ จ.นราธิวาส ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาพที่ 4 ได้ออกคำสั่งให้พระภิกษุงดบิณฑบาตทุกพื้นที่ จนกว่าจะมั่นใจ และผบ.ฉก.พท./ผบ.พัน วิเคราะห์จุดเสี่ยงจากวัดตลอดเส้นทางบิณฑบาต รวมถึงจัดทำเส้นทางบิณฑบาตให้ปลอดภัยด้วยทุกมาตรการ เพื่อให้แต่ละพื้นที่มีการประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ของตนเอง แต่ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาสยังมีพระภิกษุออกบิณฑบาตปกติ ส่วนหนึ่งมาจากวัดพิกุลทองเดินทางโดยรถยนต์เพื่อเดินบิณฑบาตในเขตตัวเมือง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ทหารดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ขณะที่ การดูแลความปลอดภัยแต่ละชุดใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร 4-6 นายคุ้มกัน รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนเส้นทางด้วยรถจักรยานยนต์ก่อนเพื่อสังเกต สิ่งผิดปกติ
บริเวณวัดเทพวิมล หรือวัดท่านเอียด อ.สุไหงโก-ลก พ.ท.พงศ์พัฒน์ ห้องสินหลาก ผบ.ฉก.นราธิวาส 36 จัดกำลังให้ จ.ส.อ.ศุภรัตน์ จันทร์เรือง นำเจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ออกให้การรักษาความปลอดภัยพระสงฆ์ที่ไม่ได้ออกบิณฑบาต ด้วยการจัดกำลังยืน รปภ.เข้มที่บริเวณประตูทางเข้าวัด และกระจายกำลังกันยืน รปภ.พระสงฆ์ ที่ยืนรอรับบาตรจากประชาชนที่เดินทางมาใส่บาตร ถึงวัด เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น
ในส่วนของพระสงฆ์วัด ต่างๆ ที่เดินออกบิณฑบาตตามปกตินั้น พ.ต.อ.กองอรรถ สุวรรณขำ ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก กล่าวว่า จัดพื้นที่เซฟตี้โซนเฉพาะ ให้พระสงฆ์เดินบิณฑบาต จากพี่น้องประชาชนตามเส้นทางที่กำหนด ซึ่งก่อนพระสงฆ์จะออกเดินบิณฑบาตนั้น จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังกับฝ่ายปกครอง ตรวจสอบความเรียบร้อยตลอดเส้นทาง เมื่อปลอดภัยแล้วจึงได้ประ สานให้พระสงฆ์เดินบิณฑบาตตามเส้นทาง โดยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบว่าจุดใดบ้างที่พระสงฆ์จะเดินทางไป บิณฑบาต
ที่จ.ยะลา เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ โดยนายรักชาติ สุวรรณ ประธานเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ จ.ยะลา ออกแถลงการณ์ขอคืนวิถีชาวพุทธ เพื่อเรียกร้องให้หน่วยกำลังที่มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัย ได้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนชาวพุทธ รวมถึงวัดและพระสงฆ์ ที่ออกปฏิบัติศาสนกิจทางศาสนา โดยในแถลงการณ์มีใจความว่า
ตามที่แม่ทัพภาค 4 ส่งหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดำเนินการให้พระสงฆ์งดบิณฑบาต อันเป็นผลเนื่องมาจากเกิดความรุนแรงกับพระภิกษุขณะบิณฑบาต ทำให้พระภิกษุสงฆ์มรณภาพ 1 รูป และทหารเสียชีวิต 1 นายนั้น เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติ ภาพ และกลุ่มองค์กรภาคี อันประกอบด้วยเครือข่ายชุมชนเพื่อสันติชายแดนใต้ (31 ชุมชน), ชมรมพุทธรักษาจังหวัดชายแดนใต้ และเครือข่ายชาวพุทธจังหวัดปัตตานี ร่วมกันเสนอข้อเรียกร้องไปยังแม่ทัพภาคที่ 4 ดังต่อไปนี้
การ บิณฑบาตถือเป็นกิจของสงฆ์ ที่จะต้องเดินโปรดสัตว์และรับบิณฑบาตจากชาวบ้าน จึงขอเรียกร้องให้กองกำลัง 3 ฝ่าย ดูแลเส้นทางของการเดินบิณฑบาต เพื่อความปลอดภัยของพระภิกษุสงฆ์ มากกว่าการให้พระภิกษุสงฆ์งดการบิณฑบาต โดยเนื่องจากเดือนสิงหาคม เป็นเดือนแห่งการเข้าพรรษา เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ ขอเรียกร้องให้มีการจัดกำลังเพื่อดูแลพระภิกษุสงฆ์และพุทธ ศาสนิกชนอย่างเคร่งครัดในการปฏิบัติธรรมทางศาสนา และให้ถือว่าเดือนแห่งการเข้าพรรษา เป็น "เข้าพรรษาเพื่อสันติ" รวมทั้งขอให้คืนวิถีพุทธ ทั้งการเวียนเทียนในช่วงเวลาค่ำ หรือการจัดพิธีการต่างๆ ตามเวลาที่เคยปฏิบัติสืบสานกันมาเพื่อให้การปฏิบัติศาสนกิจ ได้ทำนุบำรุงศาสนาแบบวิถีดั้งเดิม
ด้านนายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระ พุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ในนามมหาเถรสมาคม (มส.) มอบผ้าไตรแด่เจ้าอาวาสวิมลวัฒนาราม อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เพื่อถวายพระภิกษุที่มรณภาพและมอบเงินช่วยเหลือค่าบำเพ็ญกุศลศพจำนวน 100,000 บาท โดยมอบหมายให้น.ส.ประนอม คงพิกุล รอง ผอ.สำนักพุทธฯ และนายทวียศ ใหม่ทุ่ม เป็นผู้แทนลงพื้นที่ถวาย
นายพนมกล่าว อีกว่า นอกจากนี้ นาย สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักพุทธฯ ถวายพวงหรีดแสดงความไว้อาลัยในการสูญเสียบุคลากรทางศาสนา สำหรับกรณีพระภิกษุ-สามเณร ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่สามารถบิณฑบาตได้ หรือมีประกาศให้งดบิณฑบาตโดยเจ้าคณะจังหวัดและหน่วย ความมั่นคงในพื้นที่กำหนดจำนวนพื้นที่เสี่ยงอันตรายและจำนวนวัดที่งดบิณฑบาต มหาเถรฯ และสำนักพุทธฯ จะจัดเงินกองทุนวัดช่วยวัด ถวายเป็นค่าภัตตาหารแก่พระภิกษุสามเณร ในเขตพื้นที่ประกาศงดบิณฑบาต วันละ 100 บาท/รูป ซึ่งกองทุนวัดช่วยวัดนี้ มหาเถรฯ และคณะสงฆ์ เจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูปร่วมหาทุน เพื่อไว้ดำเนินการช่วยเหลือวัด พระภิกษุ-สามเณร ที่ประสบภัยหรือประสบเหตุต่างๆ ตามความเหมาะสม
นาย กฤษฎา บุญราช อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า สั่งให้ฝ่ายปกครองในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประสานกับทหารและตำรวจหาเส้นทางปลอดภัยให้พระภิกษุสงฆ์บิณฑบาตในตอนเช้า หามาตรการดูแลและรักษาความปลอดภัยศาสนสถานเข้มงวดด้วย และให้เข้าไปในชุมชนเพื่อทำความเข้าใจกับศาสนิกชนให้เข้าใจในเหตุการณ์ ระเบิดชุด รปภ.พระที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน ให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบในสังคมพหุวัฒนธรรม เพราะอาจจะมีบุคคลที่ไม่หวังดีฉวยโอกาสสร้างสถาน การณ์ เพื่อนำไปสู่ความแตกแยกในสังคมหรือชุมชน โดยนำศาสนาเป็นเครื่องมือตามแผนของฝ่ายตรงข้ามได้
ที่มาhttp://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1437969318